[Fic]Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก(?)] - [Fic]Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก(?)] นิยาย [Fic]Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก(?)] : Dek-D.com - Writer

    [Fic]Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก(?)]

    ..เนื้อหาในเรื่องสั้นอันนี้เป็นการสปอยตอนที่ 4 แบบเบาๆนะคะ...แล้วก็ที่เป็นเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เพราะเราไปแอบอ่านนิยายของคนๆหนึ่งที่แต่งคู่นี้มาค่ะ...

    ผู้เข้าชมรวม

    3,710

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    3.71K

    ความคิดเห็น


    39

    คนติดตาม


    100
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 เม.ย. 58 / 00:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    Owari no Seraph. [Guren X Yuichiro] พ่อกับลูก



    สวัสดีค่ะ..ถ้าใครกดเข้ามาแล้ว ไรท์เองก็อยากทำความรู้จักกันก่อนน้า
    ที่จริงเราก็เขียนนิยายไว้เยอะนะ แต่ไม่เคยแนะนำตัวเองเลย
    เรียกเราว่า ซิก (SIX) ก็ได้นะคะ
    นามปากกา Bloody_VI หรือ BloodyVI
    (ต่างกันตรงไหน? 555)

    ที่จริงแล้วเรื่อง เซราฟแห่งจุดจบหรือเทวทูตแห่งโลกมืด ชื่ออันน่าไพเราะมุ้งมิ้งตามแบบฉบับพี่ไทยนะคะ เราเพิ่งมาติดตามหลังจากดู A/Z จบ (จะว่าไปยังไม่ได้ไปต่อนิยายเรื่องนั้นเลย ของดองไว้สักระยะแล้วกันค่ะ ถถถ // โดนเตะ)

    สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดนะคะ...

    ขอขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ แค่กดเข้ามาอ่านก็ดีใจจนต้องรีบไปวิ่งแข่งกับหนูแฮมเตอร์เลยอ่าค่ะ (ห๊ะ!)




     
    S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D 

    กราบขอบพระคุณที่ให้ยืม THEME เสมอมานะคะ

    @SQWEEZ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

            มีเนื้อหาสปอยตอน 4 แบบเบาๆ นะคะ ^^ ขอขอบคุณเพื่อนในเฟสคนหนึ่งที่แปลเซราฟตอนที่ 16 แบบมังงะให้ และแอดมินเพจยูจังเพจไหนสักเพจนี่แหละคะ ที่มาพูดคุยด้วยกันเรื่องล้างห้องน้ำ แหม..ช่างเป็นอะไรที่ฟินเยี่ยงนี้

      ที่จริง (ไรเตอร์เป็น ทีมมิกะยู กับ ยูมิกะนะคะ แต่เพราะเห็นกุเร็นอยู่กับยูจังบ่อย(?)ไหนยูจังจะไปกระโดดกอดท่านพันโทตอนที่หนึ่ง ไหนจะไปอ่านนิยายของคนๆหนึ่งที่แต่งคู่กุเร็นยู มันก็เลยอดที่จะแต่งคู่นี้มิได้ค่ะ 55555)





      โรงเรียนมัธยม ม.ปลายชิบุยะที่ 2

      “เฮียคุยะคุง หน้าไปโดนอะไรมาหรอครับ?” เสียงใสก้องกังวานที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเกินเหตุนิดๆ ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น เพื่อน ของเฮียคุยะ ยูอิจิโร่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

      “ไปต่อยกับเสาโทรศัพท์มาน่ะ” ยูหันไปบอกเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าเซ็งเต็มแก่ โยอิจิทวนคำ

      “เสาโทรศัพท์?”

      “ใช่ เป็นเสาโทรศัพท์ที่กวนโอ้ยสุดๆเลยล่ะ ” ยูตอบด้วยเสียงเซ็งๆ

      “แฮะๆ ไปมีเรื่องมาสินะครับ” โยอิจิหัวเราะแห้งๆ

      เฮ้อ...ก็ดูจากหนังหน้าแล้ว ตรูคงไปทะเลาะกับเสาหลักกิโลมามั้ง โด่ว

      ยูเลิกสนใจโยอิจิก่อนจะมองป้ายบนประตูที่แปะไว้อย่างประณีต

      MOON DEMON SQUAD MILITARY QUARTERS

      “คุณมาสายนะคะ” เสียงสดใสชวนกวนโอ้ยนิดทักสองหนุ่มที่เดินผ่านเข้าประตูมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ

      “หือ ชิโนอะ เธอมาทำอะไรที่นี่?” ยูทักอีกฝ่ายอย่างงงๆ ชิโนอะยิ้มกวน “แหมๆ ใบหน้านั่นไปมีเรื่องมาอีกแล้วสินะคะ”

      “ปล๊าว ปลาวซักหน่อย สาบานเลยนะ”

      “หราคะหรา” ชิโนอะตอบ “งั้นก็ดีค่ะ วันนี้เป็นวันแรกของพวกคุณสินะคะ”

      “อื้อ ใช่แล้วล่ะ” โยอิจิตอบด้วยเสียงร่าเริง ก่อนจะร่ายยาวอะไรสักอย่างไม่รู้จบ ด้วยความรำคาญเล็กน้อย ยูเองก็ตอบกลับอะไรกลับไปบ้างจนมาสะดุดกับคำพูดของโยอิจิ

      “ชักรู้สึกประหม่าแล้วสิ” โยอิจิเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่ยูยังพอฟังออกว่ากำลังพูดคำว่าอะไร

      “หา ทำไมล่ะ?”ยูหันไปถามคนข้างตัวที่พยายามก้าวฝีเท้าให้เร็วเท่าเขา ไม่เข้าใจหมอนี่จริงๆว่าจะรู้สึกประหม่าไปทำไม? อุส่าจะได้เข้ากองกำลังปราบมารหน่วยเก็กคิแล้วแท้ๆยังมีอะไรต้องกังวลใจอีกหรือไงกันนะ?

      “ก็นี่เป็นห้องฝึกสอนสำหรับเข้าหน่วยเก็กคิใช่มั้ยล่ะครับ? งั้นนักเรียนที่อยู่ที่นี้ก็คงจะมีแต่พวกหัวกะทิของโรงเรียนเตรียมทหารกันหมด” แล้วโยอิจิก็ก้มหน้าลงมองพื้นเหมือนอดอาลัยตายยากไปซะอย่างนั้น

      “แล้วนักเรียนที่ย้ายมาระหว่างเทอมอย่างผมกับยูคุง จะถูกทุกคนไม่ชอบหน้าหรือเปล่านะ? ”

      “นี่นาย”ยูขัดความคิดอันสุดแสนจะหม่นหมองของโยอิจิก่อนจะกระแทกเสียงใส่หน้า “คิดว่าเรามาที่นี่เพื่อหาเพื่อนหรือไง?..”

      “เออ..ไม่.”

      “ไม่เห็นต้องกังวลเลยนี่” ยูพูดแต่โยอิจิก็ยังไม่ละความพยายาม

      “แต่ว่า..”

      “พอได้แล้ว...ฉันจะปกป้องนายเอง ไม่ให้ถูกแกล้งแค่นี้ก็พอใช่มั้ย?” ยูตัดสินใจพูดประโยคที่ไม่ค่อยเข้ากับตัวเองออกไปแต่กลับแฝงไปด้วยความจริงใจ

      “นี่ยูคุงทำเพื่อผม งั้นเหรอ?”

      “แหงอยู่แล้วสิเจ้าบ้า ชั้นจะอัดเจ้าพวกนั้นให้เละเป็นโจ๊กพิเศษใส่ไข่เลย คอยถลนตาดูเหอะ!

      ชิโนอะที่เดินนำหน้าพลางฟังบทสนทนาของทั้งสองหนุ่มไปก็แอบคิดอย่างหน่ายใจว่า

      สรุปแล้วเจ้ายูนี่มันคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่วะเนี่ย?

      “ขออภัยที่มาขัดจังหวะคะ ดิฉันพาเขามาแล้ว” ชิโนอะเปิดประตูที่น่าจะเป็นประตูห้องเรียนออกก่อนจะก้มหัวอย่างมีมารยาท แต่สำหรับยูแล้ว ไอ้ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนแปลกๆของชิโนอะมันเหมือนเด็กแสบที่ชอบกวนผู้ใหญ่มากกว่า

      “อ่อ ขอบใจมาก”เสียงสุดแสนจะคุ้นเคยที่ยูอิจิโร่ฟังแล้วอยากจะรีบซอยเท้าไปกระโดดถีบหน้าอย่างไว

      อิจิโนเสะ กุเร็น

      เจ้าคนบ้างี่เง่าที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน

      “ฟังนะพวกแกทุกคน ชั้นจะมาเป็นครูประจำชั้นพิเศษของพวกแก เพราะมีเด็กแลกเปลี่ยนมาใหม่สองคน”

      “เอ่อ..พันโทค่ะ” ทุกคนในห้องรีบหันมาสนใจเด็กสาวผมม่วงที่ผูกโบใหญ่เวอร์ไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

      ต่างคน..ต่างกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก…….

      เธอคนนี้มันใครฟระ? กล้าขัดคำพูดของท่านพันโทกุเร็นแบบนั้นมีหวัง....

      “ครูประจำชั้นนั้น หมายถึงคุณต้องมาโฮมรูมแล้วเข้าห้องเรียนทุกวันนะคะ”

      “หุบปาก” เป็นไปตามคาด.. อิจิโนเสะ กุเร็นเอ่ยขัดเด็กสาวอย่างหน้าตายแต่น้ำเสียงกำลังโมโห ก่อนจะพล่ามต่อ

      “และนักเรียนใหม่สองคนนี้คือ เฮียคุยะ ยูอิจิโร่กับซาโอโตมิ  โยอิจิ สรุปง่ายๆก็ ไอ้บ้าตัวหนึ่งกับไอ้ขี้ขลาดนั้นแหละ ”

      “เมื่อกี้แกว่าใครไอ้บ้าฟระ?” ยูอิจิโร่ที่หน้าแดงเถือกเพราะกำลังโมโหที่ ไอ้คนที่ได้ยศพันโทกล้าเรียกเขาว่า “ไอ้บ้า” ออกมาได้อย่างหน้าด้านๆ

      “ชั้นก็แค่พูดตามความจริง”

      “ความจริงคือ ชั้นมันหล่อเท่ระเบิดขาดใจต่างหากเว้ย” ยูเถียงอย่างสุดกำลัง

      “เลิกไร้สาระได้แล้ว เจ้าบ้า เจ้างั่ง ไอ้เวอร์จิ้นเอ้ย! พันโทกุเร็นตะโกนด่าใส่ ก่อนจะเอาพระบาทาประทับรอยหน้าของยูไปอย่างเต็มพิกัด

      “แล้วเวอร์จิ้นมันเกี่ยวอะไรด้วยฟระ?” ยูที่พยายามเอาเท้าของกุเร็นออกพลางโวยวายไปด้วย สรุปแล้ววันนั้นก็เป็นวันที่ไม่ได้ทำมาหากินอะไรเล๊ย มัวแต่มานั่งฟังเจ้าบ้ากับพันโทบ้าคนหนึ่งทะเลาะกันอย่างกับเด็ก(?)

      หลังเลิกเรียนวันนั้น

      “โหย เพราะเจ้าบ้ากุเร็นแท้ๆ” ยูที่แอบหลบมุมออกมากุมแก้มของตัวเองที่ตอนแรกก็ไปมีเรื่องกับเสาโทรศัพท์มา ไหนจะมามีเรื่องกับเจ้ากุเร็นอีก รอยบาทายังประทับอยู่บนหน้าเล๊ย ดูดิ่ ทำพระเอกของเขาเสียหล่อหมด

      “ไง” เสียงทักที่เขาเกลียดเอ่ยดังขึ้นเบื้องหลัง

      “เจ้าบ้ากุเร็น”ไวเท่าความคิด ยูที่กำลังคิดอะไรก็พูดออกไปทันที เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่มีความเคารพเลยสักนิด

      “อะไรกานน นี่แกหัดพูดเพราะๆกับผู้มีพระคุณซะบ้างสิ”

      “ผู้มีพระคุณกับผีเหอะ ว่าแต่มีธุระอะไร?” ยูที่ยังคงกุมแก้มของตัวเองเอาไว้โดนกระชากมือออกจากแก้มของตน ก่อนที่พันโทอย่างกุเร็นจะเอามือของตนเองทาบลงมาแทน

      ทำไมพอเป็นมือของเจ้าบ้ากุเร็น มันถึงได้อบอุ่นแบบนี้นะ...เห้ย!เมื่อกี้เขาคิดอะไรออกมาเนี่ย?

      “เจ็บมากมั้ย?”

      “ยังมีหน้ามาถาม โดนถีบหน้านี่โคตรฟินเลยมั้ง แม่ม!!”ยูหลบหน้าหล่อคมของกุเร็นก่อนจะทำเสียงงอนเบาๆ

      “งั้นเหรอ..หึ”

      “หัวเราะอะไร!”ยูที่ยังคงพยายามเอามือของอีกฝ่ายออก ปัดโถ่เว้ย อย่าให้เขาได้อาวุธมารมานะ พ่อจะฟันเจ้ากุเร็นให้แหลกเป็นปลาป่นเล๊ย

      “คนที่ช่วยให้แกมีชีวิตรอดน่ะ คือฉัน” จู่ๆกุเร็นก็เอามือที่ทาบลงมาบนแก้มของยูออก แล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ตัวเอง

      “ห๊ะ?” ยูมองตามอย่างรู้สึกประมาท

      “คนที่ลากแกออกมาจากพวกแวมไพร์ก็คือฉัน คนที่สอนแกใช้อาวุธคือฉัน....”

      เออ รู้แล้ว..ยูบ่นอุบอิบในใจ หมอนี่ต้องการจะสื่ออะไร?

      “พูดแบบนี้นายอยากจะให้ฉันทำอะไร?”ยูที่กำลังงงๆกับพฤติกรรมแปลกๆของเจ้าบ้ากุเร็น ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ แต่กุเร็นกลับมองหน้าอย่างไม่ให้เดาอารมณ์ได้ ยูเลยถามต่อ “จะให้ฉันขอบคุณนายหรือไง---”

      “แกน่ะเป็น ของๆชั้น”

      อึก!......จู่ๆยูก็รู้สึกจุกขึ้นมา คำพูดเมื่อกี้มันคืออะไรกัน? ยูเงยหน้าขึ้นมาจ้องใบหน้าของพันโทก่อนที่แก้มจะระเรื่อไปด้วยสีแดงอ่อนๆ

      “ก็เป็นของๆนายอยู่แล้วนี่” ตอบอีกฝ่ายก่อนจะเบนหน้าหนี ใช่ ถ้าไม่ได้เจ้าบ้ากุเร็น เขาคงมาไม่ถึงขนาดนี้หรอก คงไม่ได้มีความหวังที่จะฆ่าพวกแวมไพร์ที่ฆ่าครอบครัวที่สุดแสนสำคัญของเขา

      “เห...แกพูดออกมาแล้วนะ”กุเร็นเปลี่ยนน้ำเสียงจากจริงจังเป็นหยอกล้อก่อนที่ยูจะหน้าแดงไปมากกว่าเดิม

      “อะไรเล่า ก็แค่พูดความจริง....”

      “จะว่าไป แกยังไม่ทำอะไรตอบแทนบุญคุณอันแสนจะใหญ่หลวงทดแทนระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเลยนะ”

      “ไอ้คนขี้งกเอ้ย แล้วจะให้ชั้นทำอะไร? ล้างห้องน้ำไม่เอานะว้อย ฉันบีบขวดน้ำยาทิ้งไปหลายขวดแล้วนะเฟ้ย”

      กุเร็นหัวเราะ“แล้วใครใช้ให้นายบีบขวดน้ำยาเล่นกันฟระ ไอ้งั่ง”

      “เรื่องของชั้นน่า.....”ยูพูดเสียงเบาก่อนที่กุเร็นจะยิ้ม

      “นายยังเวอร์จิ้นอยู่.......”

      “ทำไมต้องวกกลับมาเรื่องนี้ด้วยวะเห้ย ขอคำอธิบายแบบด่วนๆ” ยูที่กำลังอารมณ์เสียก็พยายามทำสงครามน้ำลายกับผู้ที่เขาควรเรียกว่า ผู้มีพระคุณอย่างเอาเป็นเอาตาย

      “หึ.....”กุเร็นหัวเราะอีกครั้ง ไอ้รอยยิ้มชวนบาดใจสาวนั้น ทำไมเขาต้องหัวใจเต้นแรงเพราะไอ้รอยยิ้มหน้าด้านๆของเจ้าบ้ากุเร็นด้วยนะ ??

      “อะไรเล่าจะให้ทำอะไรรีบๆบอกมาสักทีสิฟระ?”

      “ก็ไม่มีอะไรมาก....” ยูที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

      “แล้วมันคืออะไร?”

      “หุบปากแล้วก็หลับตาซะ เจ้าบ้า”กุเร็นออกคำสั่ง เสียงที่เด็ดขาดของพันโททำเอายูอิจิโร่ถึงกับหน้านิ่งแต่ก็ยอมทำตามที่กุเร็นสั่ง

      จะยอมเจ้าบ้ากุเร็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ

      “หลับตาทำไมฟระ-----” สิ้นเสียงคำโวยวาย กุเร็นจับปากของเจ้าหนูตรงหน้าของเขาก่อนจะประทับริมฝีปากลงไป จูบที่ไร้การล่วงเกินใดๆ เป็นแค่รอยจูบจืดๆแต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ความห่วงใย กุเร็นผละริมฝีปากออกก่อนจะหลบหมัดที่สวนออกมาอย่างรวดเร็ว

      “จะ....เจ้าบ้าทำอะ...ไร”

      “เห..เวอร์จิ้นจริงๆนะแกเนี่ยแค่จูบก็ไม่รู้จัก”

      “คะ..ใครว่าไม่รู้จัก.....” ยูหลบหน้ากุเร็นก่อนจะเอามือมาทูที่ปากขยี้ไปมาหลายรอบ

      “อะไรรังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง?”

      “มีที่ไหนผู้ชายจูบผู้ชายบ้างเล่า....” ยูบ่นพึมพำ

      “อะไร แกไม่เคยได้ยินหรือไง พ่อจูบลูกมีเยอะจะตาย”

      ยูรีบควับมาหากุเร็นทันที“ใครพ่อฟระ?”

      “ชั้นไง อ่อ..ถ้าอยากเรียกชั้นว่าพ่อก็เรียกได้ตามสบายเลยนะ”

      “ไปเรียกของแกคนเดียวไป๊!” แล้วยูก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที

      แหม มีลูกชายน่ารักแบบนี้ พ่อที่ไหนจะอดใจไม่อยากจูบลูกบ้าง….



      #เดี๊ยวนะ กุเร็น 5555555

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×